ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
กลับไปหน้าบล็อก
|23 ธันวาคม 2025

สรุป Consumer AI 2025: ศึก ChatGPT ปะทะ Gemini และสถิติผู้ใช้งานที่เผยว่า "ผู้ชนะกินรวบ"

ปี 2025 คือปีแห่งการเปิดตัว AI มหาศาล แต่รายงานล่าสุดจาก a16z กลับพบความจริงที่น่าตกใจ: ผู้ใช้งานมีความภักดีสูงมาก โดยมีคนไม่ถึง 10% ที่ใช้งานหลายค่ายพร้อมกัน บทความนี้เจาะลึกว่าทำไม ChatGPT ถึงยังเป็นผู้ชนะและธุรกิจควรปรับตัวอย่างไร

0 ครั้ง
สรุป Consumer AI 2025: ศึก ChatGPT ปะทะ Gemini และสถิติผู้ใช้งานที่เผยว่า "ผู้ชนะกินรวบ"

สรุป Consumer AI 2025: ศึก ChatGPT ปะทะ Gemini และสถิติผู้ใช้งานที่เผยว่า "ผู้ชนะกินรวบ"

18 ธันวาคม 2025 – ซานฟรานซิสโก

ปี 2025 ถูกคาดหมายว่าจะเป็นปีแห่งสงคราม AI ที่ดุเดือดที่สุด แต่เมื่อฝุ่นจางลง ข้อมูลกลับชี้ให้เห็นความจริงที่แตกต่างออกไป แม้ว่าผู้เล่นยักษ์ใหญ่อย่าง Google, Anthropic และ xAI จะระดมเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่อย่างบ้าคลั่ง แต่พฤติกรรมผู้บริโภคกลับไม่ได้เปลี่ยนไปตามกระแสเหล่านั้น รายงาน "State of Consumer AI 2025" จาก Andreessen Horowitz (a16z) ที่เพิ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ได้ฉายภาพตลาดที่มีผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวอย่างชัดเจน ท่ามกลางคู่แข่งที่พยายามแย่งชิงส่วนแบ่งที่เหลือ

ความสำคัญของรายงานฉบับนี้ไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีใหม่ แต่อยู่ที่ "ความเหนียวแน่น" (Stickiness) ของผู้ใช้งาน ในขณะที่หลายคนเชื่อว่าผู้บริโภคจะสลับใช้งานเครื่องมือ AI หลายตัวไปมาเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ข้อมูลจริงกลับพิสูจน์ว่าตลาด Consumer AI กำลังมุ่งหน้าสู่รูปแบบ "Winner-Takes-Most" หรือผู้ชนะกินรวบ ซึ่งสร้างความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่กำลังวางแผนกลยุทธ์ในปี 2026

สรุปประเด็นสำคัญ (TL;DR)

  • ความภักดีสูงลิ่ว: ผู้ใช้งาน ChatGPT น้อยกว่า 10% ที่ทดลองใช้แพลตฟอร์มคู่แข่งในแต่ละสัปดาห์
  • จ่ายเจ้าเดียวจบ: มีผู้บริโภคเพียง 9% เท่านั้นที่ยอมจ่ายเงินค่าสมาชิก AI มากกว่าหนึ่งเจ้า
  • กลยุทธ์ที่แตกต่าง: OpenAI เน้นฟีเจอร์หลัก (Sora, Group Chat) ในขณะที่ Gemini เน้นกระแสไวรัล (Nano Banana)

2025: ปีแห่งการเปิดตัว แต่พฤติกรรมไม่เปลี่ยน

หากมองย้อนกลับไปตลอดปี 2025 เราได้เห็นการปล่อยผลิตภัณฑ์ออกมาอย่างต่อเนื่องจนแทบตามไม่ทัน OpenAI ได้ขยายอาณาจักรของตนด้วยการเปิดตัวแอปพลิเคชัน Sora สำหรับวิดีโอและการแชทแบบกลุ่ม (Group Chats) ซึ่งเป็นการดึงผู้ใช้งานให้อยู่ในระบบนิเวศของตนนานขึ้น ในขณะที่ฝั่ง Google พยายามสร้างกระแสด้วยโมเดลที่เน้นความเป็นไวรัลอย่าง Gemini Nano Banana ซึ่งประสบความสำเร็จในการดึงดูดความสนใจในช่วงสั้นๆ แต่ยังไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมระยะยาวของผู้ใช้ได้มากนัก

ความพยายามเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันมหาศาลในอุตสาหกรรม แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจคือความนิ่งของผู้บริโภค แม้จะมีตัวเลือกมากมายมหาศาล แต่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่กลับเลือกที่จะ "ปักหลัก" อยู่กับเครื่องมือที่ตนคุ้นเคยที่สุด การเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ กลายเป็นเพียงการรักษาฐานลูกค้าเดิมมากกว่าการดึงลูกค้าใหม่จากคู่แข่ง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าตลาดเริ่มเข้าสู่ภาวะอิ่มตัวในแง่ของการหาผู้ใช้หน้าใหม่ (User Acquisition) และต้องหันมาเน้นการรักษาฐานลูกค้า (Retention) แทน

เจาะลึกข้อมูล: ความภักดีหรือความขี้เกียจ?

ตัวเลขจากรายงานของ a16z นำเสนอความจริงที่โหดร้ายสำหรับผู้ท้าชิง ข้อมูลระบุชัดเจนว่าผู้ใช้งาน ChatGPT น้อยกว่า 10% มีการเข้าไปใช้งานแพลตฟอร์มคู่แข่งอย่าง Gemini หรือ Claude ในระดับรายสัปดาห์ ตัวเลขนี้บ่งบอกว่าสำหรับคนส่วนใหญ่ AI ตัวแรกที่พวกเขาเรียนรู้ที่จะใช้งาน ได้กลายเป็น "ระบบปฏิบัติการ" ทางความคิดของพวกเขาไปแล้ว และต้นทุนในการเรียนรู้เครื่องมือใหม่ (Switching Cost) นั้นสูงกว่าประโยชน์ที่จะได้รับจากการเปลี่ยนค่าย

ยิ่งไปกว่านั้น ข้อมูลด้านการเงินยังตอกย้ำแนวโน้มนี้ ข้อมูลจาก Yipit ที่อ้างถึงในรายงานระบุว่า มีผู้บริโภคเพียง 9% เท่านั้นที่สมัครสมาชิกบริการ AI แบบชำระเงินมากกว่าหนึ่งแห่ง ซึ่งหมายความว่ากระเป๋าเงินของผู้บริโภคมีที่ว่างสำหรับ "ผู้ช่วย AI" เพียงตัวเดียวเท่านั้น สภาพการณ์นี้บีบให้คู่แข่งของ OpenAI ต้องทำงานหนักขึ้นหลายเท่าตัวเพื่อโน้มน้าวให้ผู้ใช้ยกเลิกบริการเดิมและย้ายมาหาตน แทนที่จะหวังให้ผู้ใช้สมัครบริการควบคู่กันไป

มุมมองที่คนส่วนใหญ่มองข้าม: เรามักเข้าใจผิดว่าตลาด AI จะเหมือนตลาดสตรีมมิ่งที่คนยอมจ่ายทั้ง Netflix และ Disney+ พร้อมกัน แต่ข้อมูลปี 2025 ชี้ว่าตลาดนี้คล้ายกับ "บริการอีเมล" หรือ "แอปแชท" มากกว่า คือคนส่วนใหญ่จะเลือกใช้ตัวหลักเพียงตัวเดียวและยึดติดกับมัน

Hits & Misses: ใครรุ่งใครร่วง

สิ่งที่ทำได้ดี (Hits)

  • ChatGPT: การรักษาฐานผู้ใช้งาน (Retention) แข็งแกร่งที่สุดในตลาด การเปิดตัวฟีเจอร์ Group Chats ช่วยเปลี่ยนจากการใช้งานส่วนตัวเป็นโซเชียลมากขึ้น
  • Gemini: ประสบความสำเร็จในการสร้างกระแส (Buzz) ผ่านโมเดลเฉพาะทางและฟีเจอร์ไวรัล ทำให้แบรนด์ยังคงอยู่ในกระแสสนทนา

สิ่งที่ยังพลาด (Misses)

  • การใช้งานข้ามแพลตฟอร์ม (Multi-homing): ความพยายามของ Claude, Grok และ Meta AI ในการดึงผู้ใช้จากเจ้าตลาดหลักยังไม่เห็นผลชัดเจนในแง่ของตัวเลข Active Users รายสัปดาห์
  • โมเดลหารายได้: การที่ผู้ใช้เพียง 9% ยอมจ่ายซ้ำซ้อน หมายความว่าผู้เล่นรายย่อยอาจต้องเปลี่ยนโมเดลธุรกิจจากการเก็บค่าสมาชิกรายเดือน ไปสู่รูปแบบอื่นในปี 2026

บทเรียนธุรกิจและก้าวต่อไปในปี 2026

สถานการณ์ในปี 2025 ส่งสัญญาณเตือนไปยังผู้ประกอบการและนักลงทุนว่า ยุคของการ "สร้างโมเดลให้เก่งกว่าแล้วคนจะย้ายมาเอง" ได้จบลงแล้ว ในปี 2026 การแข่งขันจะเปลี่ยนจากสงครามโมเดล (Model War) ไปสู่สงครามเอเจนท์ (Agent War) และการบูรณาการระบบ (Integration)

จับตาดูสิ่งนี้ (What to Watch Next)

  • Agent Integration: เมื่อผู้ใช้ไม่ยอมเปลี่ยนแอป ค่ายต่างๆ จะต้องส่ง AI ของตนเข้าไปฝังตัวในแอปที่คนใช้อยู่แล้วแทน
  • การควบรวมฟีเจอร์: คาดว่าจะมีการ Bundle บริการที่คุ้มค่ากว่าเดิมเพื่อแย่งชิงโควต้ากระเป๋าเงิน 9% นั้น

สำหรับธุรกิจ SME และองค์กร การยึดติดกับผู้นำตลาดอาจเป็นกลยุทธ์ที่ปลอดภัยที่สุดในขณะนี้ แต่การจับตามองคู่แข่งที่มีฟีเจอร์เฉพาะทางก็ยังจำเป็น เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพงานเฉพาะด้านที่ ChatGPT อาจยังทำได้ไม่ดีพอ